สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:

ผู้มาเยือนเก้นท์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นชาวยุโรปหรือนักท่องเที่ยวแบบแบกเป้ที่ชอบเลาะลัดไปตามเมืองเล็ก ๆ เสียโดยส่วนใหญ่ จะยังไม่ค่อยเห็นภาพทัวร์ชาวเอเชียกลุ่มใหญ่เดินพลุกพล่าน อาจเรียกได้ว่า เมืองเก้นท์ยังไม่ค่อยเป็นที่เตะตานักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของโลกมากนัก ภาพของเมืองนี้ที่หยุดสายตาและจับใจผู้มาเยือนได้มากที่สุด จะเป็นภาพหมู่ตึกเก่าและคฤหาสน์ใหญ่เรียบริมคลองน้ำใสที่นิ่งกริบจนสะท้อนภาพริมฝั่งคลองชัดเจนราวกับกระจก สถานที่น่าเยี่ยมชมของเก้นท์แม้แต่ละแห่งจะมีความงาม แต่เสน่ห์ที่แท้จริงของเมืองอันดับสี่แห่งนี้คือการได้เดินชมและซึมซับไปกับบรรยากาศเก่า เสมือนเราได้เดินเข้าไปสู่อีกโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว การได้เดินชมและซึมซับไปกับบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ ระหว่างความโออ่าของยุคกลาง, ความคลาสสิคและกลิ่นอายของช่วงความเป็นสังคมชนโรงงานในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม, และความหมดจดเรียบหรูของดีไซน์ทันสมัย ที่จะได้สัมผัสในการมาเยือนเมืองเก้นท์

วิหารนักบุญบาโว (St. Bavo’s Cathedral หรือ Sint-Baafskathedraal)

เป็นทั้งมรดกโลกที่ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก และเป็นหนึ่งในสามหอคอยแห่งเก้นท์ที่ตั้งตระหง่านกลางเมืองเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอย่างหนึ่ง ภายในโอ่อ่าอลังการไปด้วยงานศิลปะจากยุคโรมันและสไตล์โกธิคที่ดุดันทว่าสง่างาม ภายในจัดแสดงภาพวาดและงานปั้นแกะสลักล้ำค่ามากมาย ชิ้นที่โด่งดังและเป็นเสมือนของคู่เมืองเก้นท์เลยคือ “ภาพฉากหลังแท่นบูชาแห่งเก้นท์” (Ghent Altarpiece) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “การบูชาแกะศักดิ์สิทธิ์” (Adoration of the Mystic Lamb) เป็นผลงานชั้นครูที่จัดได้ว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่งของวงการศิลปะโลกเลยทีเดียว เป็นภาพวาดที่มีองค์ประกอบหลายชั้น มีการบรรจุสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาไว้มากมาย ดัวยเทคนิกการวาด, การลงสี, และการออกแบบบนตัวภาพที่วาดลงบนแผ่นไม้บานพับ เมื่อเปิดออกมาจะได้เห็นภาพของเหล่านักบุญและเทวดาที่แสดงความเคารพชื่นชมต่อแกะศักดิ์สิทธิ์

หอคอยระฆังและโถงจัดแสดงเสื้อผ้า (Belfry and Cloth Hall)

หนึ่งในสามหอคอยประจำเมืองเก้นท์ และได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกันในปี 1998-1999 หากขึ้นลิฟท์ขึ้นไปที่ส่วนบนสุดของหอคอย ความสูง 66 ม. จะได้เห็นวิวแบบพาโนรามิคของเมืองเก้นท์ และในโถงจัดแสดงเสื้อผ้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาคาร แต่เดิมเคยเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าจำพวกเสื้อผ้าเครื่องทอ ในสมัยศตวรรษที่ 13 ซึ่งเก้นท์เป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคักและสร้างให้เก้นท์มั่งคั่งในยุคนั้น

โบสถ์นักบุญนิโคลัส (St. Nicholas’s Church)

เป็นไอคอนที่เก่าแก่ที่สุดในบรรดาสามหอคอยประจำเมืองเก้นท์ และโดดเด่นที่สุดหากมองสามอาคารนี้พร้อม ๆ กัน สร้างขึ้นในช่วงตอนต้นของศตวรรษที่ 13 และเคยเป็นหอระฆังเก่า

ปราสาทกราเวนสทีน (Gravensteen Castle หรือ Castle of the Counts)

ชื่อ “ปราสาทแห่งท่านเคานท์” เพราะผู้ริเริ่มการก่อสร้างปราสาทคือ ท่านเคาน์ฟิลิปแห่งอาลส์ซาคซ์ ภายหลังกลับจากสงครามศาสนาสงครามครูเสด เพื่อเตือนให้ระลึกถึงปราสาทในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ภายในกำแพงหนา 2 เมตร เข้าไปในตัวปราสาท ซึ่งมีความสูงที่ 9 เมตร ภายหลังศตวรรษที่ 14 ปราสาทแห่งนี้ถูกหมุนเวียนเปลี่ยนให้มาเป็นทั้งที่ทำการของเมือง หรือเป็นกระทั่งที่คุมขังนักโทษ เป็นหนึ่งในปราสาทยุคกลางที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเบลเยี่ยมเพียงไม่กี่แห่ง และยังเป็นสถานที่ที่นิยมในการถ่ายทำหนังประเภทย้อนยุคของยุโรปด้วย โดยเฉพาะอังกฤษ

ท่าเทียบเรือแกรซ์ลีย์ (Graslei)

เป็นจุดเทียบเรือขนส่งตั้งแต่สมัยยุคกลาง ชื่อแกรซ์ลีย์ (Graslei) แปลได้ว่า ท่าเทียบเรือหญ้า (Grass Quay) อาจด้วยเหตุผลที่ว่าเมืองเก้นท์ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดแลกเปลี่ยนค้าขายข้าวสาลีของแคว้น ปัจจุบันนี้ภาพของคาเฟ่และบาร์ตั้งโต๊ะสไตล์เก๋ไก๋บริเวณริมลำคลอง มีอาคารสไตล์ยุคกลางซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของตระกูลวาณิชและขุนนางสูงศักดิ์ต่าง ๆ จุดนี้เป็นจุดที่สวยที่สุดและ ‘ต้องมา’ ถ่ายรูปหากมาเยือนเก้นท์

พิพิธภัณฑ์เมืองเก้นท์ (Ghent City Museum หรือ STAM)

ในขณะที่เก้นท์ส่วนใหญ่จะรายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณที่สืบมาจากหลายร้อยปี อาคารพิพิธภัณฑ์เมืองเก้นท์ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า STAM (ย่อมาจากคำว่า Stadsmuseum ที่แปลว่า พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง) กลับโดดเด่นด้วยความเรียบง่ายทันสมัย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้นอกจากเป็นที่เก็บวัตถุทางประวัติศาสตร์กว่า 300 ชิ้นไว้ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของเมืองแล้ว ภายในมีการใช้เทคโนโลยีและการออกแบบที่ล้ำสมัยในการสือและชักชวนผู้เข้าชมให้มีความเข้าใจของวิวัฒนาการของเมืองเก้นท์ ที่นี่คุณจะได้เห็นความลงตัวระหว่างงานวัตถุโบราณกับความเรียบง่ายทันสมัยของการออกแบบยุคใหม่ มีเทคโนโลยีเป็นตัวเชื่อมประสาน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงได้รับผู้ชนะจากการประกวดรางวัลพิพิธภัณฑ์ยอดเยี่ยมของแคว้นฟลานเดอร์ในปี 2012